คำถามว่า โตขึ้นลูกอยากเป็นอะไร? หรือ อยากให้ลูกเป็นอะไร? แทบจะเป็นคำถามหลักในวงพบปะสนทนาของบรรดาผู้ปกครองเด็กทุกๆวัย  คำถามธรรมดานี้จะเริ่มเพิ่มดีกรีความเครียดให้แก่เด็กและพ่อแม่ขึ้นตามช่วงอายุของลูกจริงไหมคะ จากที่ถามกันเล่นขำขำในวัยประถม ก็เริ่มจริงจังถึงวิธีเดินไปสู่เป้าหมายการเรียนต่อหรืออาชีพในอนาคตของลูกๆแต่ละครอบครัวระดับประถมปลายไปถึงมัธยม ปัญหานี้จึงนับว่าคลาสสิคมากและไม่เคยล้าสมัยตราบใดที่พ่อแม่ยังมีความรักและเป็นห่วงลูกอย่างเปี่ยมล้น จะดีแค่ไหนถ้าเราสามารถสังเกตอุปนิสัยและวิเคราะห์ความถนัด จุดอ่อน-จุดแข็งของลูกได้เพื่อช่วยหาทางเดินที่เหมาะให้กับเขาเพราะการเรียนคือการลงทุนทั้งเงินและเวลา  ในวัยประถมปลายความเป็นตัวตนของลูกน่าจะปรากฏชัดจนเราสังเกตเห็นได้แล้วยิ่งรู้เร็วก็ยิ่งมีเวลาเตรียมตัวนะคะ

หนังสือเล่มนี้เขียนโดยคุณวิภา ภิญโญโชติวงศ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการแนะนำการศึกษาต่อมานานกว่า 20 ปีค่ะ ในหนังสือได้รวบรวมทฤษฎี, ศาสตร์แห่งบุคลิกภาพเพื่อให้เราใช้สังเกตประเมินบุคลิกลูก  ถึงแม้หนังสือเล่มนี้จะหนา 184 หน้าแต่ก็อ่านจบได้อย่างรวดเร็วไม่น่าเบื่อ เพราะมีเคสตัวอย่างจากประสบการณ์ตรงของผู้เขียนที่เคยให้คำแนะนำครอบครัวต่างๆพาเด็กๆออกจากความทุกข์มาให้เราเรียนรู้ ได้แง่คิดดีๆแทรกอยู่ทุกบท

บนปกของหนังสือมีคำว่า “หนังสือที่ลูกอยากให้พ่อแม่อ่าน” ถ้าเราไม่อยากสร้างทุกข์ให้ลูกคงต้องลองเปิดใจ เพื่อที่จะเข้าใจ รู้จัก และยอมรับในตัวตนตลอดจนทักษะความถนัดที่ลูกของเรามี เพราะถ้าลูกได้เลือกเรียนวิชาที่เขาถนัดทำอาชีพที่ชอบเขาคงเป็นคนที่มีความสุขและประสบความสำเร็จในอาชีพได้   ในทางกลับกันเรายังใช้หนังสือเล่มนี้เป็นแนวทางเสริมสร้างคุณลักษณะ พัฒนาศักยภาพให้เหมาะสมกับอาชีพในฝันของลูกได้อีกด้วย เพราะในบทที่4 เข้าใจโลกแห่งอาชีพ และบทที่5 เตรียมลูกสู่ฝัน มีรายละเอียดของอาชีพต่างๆและทักษะที่พึงประสงค์ไว้เป็นแนวทางให้ด้วยคะอยากให้พ่อแม่ได้อ่านหนังสือเล่มนี้จริงๆเพราะความสำเร็จของลูกเราไม่อาจฝากความหวังไว้กับโรงเรียนเพียงอย่างเดียว บ้านและครอบครัวเป็นแรงสำคัญของลูกค่ะ