แรกเริ่มเดิมทีตอนที่มาสอบสัมภาษณ์กับอาจารย์ที่เป็นกรรมการสอบคัดเลือก ท่านก็บอกว่า นัตซึนั้น พูดจาโต้ตอบรู้เรื่องดี. ทักษะคณิตและภาษาดีแล้ว.  อ่านออกเขียนได้คล่องแล้ว ทั้งกล้าพูดกล้าตอบกล้าแสดงออกดี ไม่ต้องมาเรียนเตรียมความพร้อมหรอกค่ะ.     แต่เผอิญว่า พี่เอมิมีลงเรียนวิชาช่วงซัมเมอร์ที่โรงเรียนเต็มวันอยู่แล้ว เลยขอพา    นัตซึมาเล่น. .เอ้ย..เรียน เตรียมความพร้อมด้วยดีกว่า จะได้รู้จักเพื่อนๆและอาจารย์ตั้งแต่เนิ่นๆ.  เลยเป็นที่มาว่า จะมาเรียนเตรียมความพร้อมกันทำไมอีกให้เปลืองสตางค์(5,800บาท ค่าเรียนบวกกับอาหารกลางวันและนม) ไหนๆไม่มีที่ให้ไปรอ ก็ขอตื้อเรียนด้วยล่ะกันนะค่ะ

คอร์สเตรียมความพร้อมสำหรับเด็กป.1 ใหม่ ที่เข้ามาเป็นสมาชิกในรั้ว สาธิตเกษตร พหุภาษา นั้น ถือว่า เป็นกุญแจดอกสำคัญอย่างหนึ่งที่จะค่อยๆผ่อนคลายความวิตกกังวลของทั้งนักเรียนและผปค.  ทั้งการปรับตัวกับเพื่อนใหม่ สถานที่เรียน อาจารย์ ช่วงเวลาต่างๆที่ต้องทำกิจวัตร หน้าที่ที่ตัวเองต้องรับผิดชอบ ทักษะการช่วยเหลือตัวเองเมื่อตัวเองไม่ใช่เบบี๋สมัยอนุบาลที่จะต้องมีคุณครูมาคอยตามประกบทุกฝีก้าว นักเรียนได้ฝึกความมั่นใจว่าฉันทำได้ ฉันเจ๋งอ่ะ เด็กๆมีความห่างของช่วงอายุในระดับเดียวกันเพราะที่นี่รับเด็กที่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ตั้งแต่ 5.6-6.6ปี ความห่างของอายุที่ แตกต่างกันเป็นเดือนอาจจะยังมีผลอยู่ในช่วงของเทอมแรก แต่หลังจากเข้าสู่เทอมที่สอง อาจารย์เคยบอกไว้ว่าเด็กๆจะพัฒนาตัวเองให้ขึ้นมาทันกันเกือบหมด หากว่าไม่มีปัญหาทางสุขภาพ เด็กๆก็จะก้าวไปพร้อมๆกันได้กับเพื่อนๆในระดับเดียวกัน ไม่ต้องเป็นห่วงมาก
  สำหรับผปค.  ก็มีเวลาที่จะได้ศึกษาเส้นทาง. ระยะเวลา. เรียนรู้สิ่งแวดล้อมในโรงเรียนลูกๆ ว่ามันใช่ ตรงกับใจที่เราเคยคิด หรือคาดหวังไว้หรือไม่. ได้มีโอกาสทำความรู้จักกับอาจารย์หรือผปค.ท่านอื่นๆ ที่จะมาเกี่ยวข้องกับลูกๆของตัวเอง ได้พูดคุยกับเพื่อนๆของลูก. และทราบปัญหาและหาทางแก้ไขก่อนที่การเปิดเรียนในภาคการศึกษาจริงๆจะเริ่มขึ้น ซึ่งตอนนั้นจะจริงจังมาก ทุกอย่างอยู่ในระเบียบวินัยแล้ว. และเด็กๆพร้อมที่จะก้าวสู่การเป็นเด็กโตในชั้นประถม. อย่างเต็มตัว. พร้อมเปิดหู เปิดตา เปิดใจ รับการเรียนการสอน ตลอดทั้งวันได้แล้ว. 
   สำหรับอาจารย์เอง คุณแม่ก็มองว่าเป็นการเปิดโอกาสให้เวลาที่อาจารย์จะได้มีโอกาส ทำความรู้จัก นิสัยบุคลิกภาพส่วนตัว หรือของครอบครัวลูกศิษย์ก่อนที่จะได้เข้าเรียนจริงหากมีอะไรอาจารย์จะได้เตรียมพร้อมก่อนได้ ไม่เกิดปัญหาฉุกเฉินเฉพาะหน้า. ซึ่งตรงนี้สำหรับคุณแม่แล้วถือว่าเป็นเวลาที่ดีมากเพราะหลังจากการเรียนซัมเมอร์เสร็จสิ้น จะได้มีโอกาสพูดคุยซักถามว่าลูกมีลักษณะเป็นอย่างไร จุดเด่นจุดอ่อน หรืออยากให้เสริมเรื่องใด จะได้มีเวลาไปเตรียมตัวก่อนเปิดเทอมจริง ซึ่งระยะเวลาที่เรียนซัมเมอร์คือ2-24 เมษายน2556 9.00-16.00น.    รวมเวลาที่เรียนจริงๆมีอยู่ 13 วัน. แต่เป็น 13 วันที่คุ้มค่า

    คำตอบที่ได้จากนัตซึเมื่อได้เริ่มเรียนช่วงซัมเมอร์คือ. สนุกมาก เรียนทุกอย่างเลย ทั้งคณิต ภาษาไทย วาดภาพ.  เต้น. ดูการ์ตูน ที่ชอบมากคือเวลาตอบคำถามอาจารย์ถูกแล้วจะได้รางวัลด้วย(เคยได้ขนมกับดินสอ)เลยติดใจใหญ่เลยอยากยกมือตอบตลอด บอกว่ามีง่วงๆบ้างเกือบหลับ แต่ไม่หลับ เพราะพอจะง่วงก็มีอะไรให้ทำตลอดเลย ได้เลือกิจกรรมอิสระ ได้ทำงานประดิษฐ์ซึ่งเป็นสิ่งที่นัตซึชอบมาก. บางคนก็เลือกกลุ่มเต้น (นัตซึจะไปต่อแถวเลือกอยู่กลุ่มเต้นเหมือนกัน แต่ไม่ทัน เต็มซะก่อน)
ช่วงตอนกลางวันคุณแม่เคย มีแอบๆเดินผ่านไปดู. เจอช่วงที่เข้าแถวต่อคิวรับถาดอาหาร เดินถือถาดไปเลือกที่นั่งทานข้าวกับเพื่อน นั่งกินข้าวกันเองโดยมีอาจารย์นั่งประจำอยู่ในโต๊ะทานกับเด็กนักเรียนด้วยน่ารักมาก ทานเสร็จก็ยกถาดไปทิ้งเศษอาหารเก็บถาดแล้วถึงจะไปวิ่งเล่นหรือซื้อขนมรอขึ้นห้องเรียนพร้อมอาจารย์กับเพื่อนๆ
การที่นักเรียนนั่งทานอาหารก็จะมีการวัดผลเรื่องความประพฤติและพฤติกรรมการรับประทานอาหารด้วย ในช่วงเปิดภาคเรียนจริงๆ. เวลาทานอาหารอาจารย์จะให้เกรดทานข้าวเช่นทานได้หมดทุกประเภท ทานหมดได้เกรด4. หรือทานน้อยได้เกรด1.  อันนี้สมัยเอมิเคยได้แต่เกรด0 กับเกรด1 เป็นประจำเพราะเป็นคนทานยาก เลือกทานอาหารอย่างมากจนน่าปวดหัว แต่หลังจากผ่านไป1 ปี ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงจากคนที่สุดแสนจะเรื่องมากกลายมาเป็นทุกอย่างแล้วแต่คุณแม่ เอมิกินได้หมด จะเผ็ดหรือไม่เผ็ด จะผักหรือไม่ผัก เอมิรับได้หมด. เรียกว่าต้องขอบคุณที่นี่ที่ทำให้ลูกรู้จักอาหารทุกประเภท

       ในแต่ละวันอาจารย์จะสอนเรื่องกิจวัตรที่จะต้องทำในแต่ละเรื่อง อย่างเช่น การเช็ดโต๊ะนักเรียนเอง การจัดชั้นเก็บของของตัวเอง การล้างช้อนส้อมและห่อผ้า ห่อช้อนของตัวเองให้เรียบร้อย   หัดร้อยและผูกเชือกรองเท้าผ้าใบ ที่นี่จะใช้รองเท้าพละแบบผูกเชือกเท่านั้น เพื่อฝึกให้เด็กๆรู้จักการดูแลตัวเองที่เพิ่มขึ้น.   เมื่อถึงสงกรานต์ที่ผ่านมาเด็กๆได้มีโอกาสเล่นสงกรานต์สรงน้ำพระ. และสาดน้ำเล่นกันอย่างสนุกสนาน. เด็กๆต้องหัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเอง จัดเก็บเสื้อผ้าของตัวเอง. มีหลายคนเหมือนกันที่พอเปลี่ยนชุดใหม่แล้วก็ลืมชุดเก่าของตัวเอง มีมาประกาศตามหาเจ้าของตอนจะกลับบ้าน(เฉพาะของเด็กป.1 นะค่ะ )

     เรื่องสนุกๆยังมีอีกเยอะต้องตามต่อเพราะว่ายังไม่จบคอร์สเลยเดี๋ยวมีอะไรจะมาเล่าให้ฟังต่อนะค่ะ หากใครอยากจะเพิ่มเติมความสนุกอะไรก็แวะเข้ามาคุยกันบ้างก็ได้นะค่ะยินดีค่ะ