เมื่อวานวันศุกร์ไปรับยูริที่โรงเรียนหลังจากเรียนรำไทยเสร็จแล้ว ก็เลยได้มีโอกาสนั่งคุยกับผู้ปกครองที่ยังเรียนต่ออนุบาล 3 กันที่เจริญพงศ์ เลยได้รู้ว่าปีนี้มีสอบติดสาธิตม.ศ.ว. เท่าที่ทราบมีแน่นอน3 คน  ได้ทราบต่อมาอีกทีว่า คุณพ่อของน้องคนหนึ่งที่ลูกเริ่มไปเรียนบอกว่าไม่ค่อยตรงใจเพราะว่าไม่เน้นวิชาการเลยกลัวลูกจะช้าไม่ได้อะไร  ขอรอดูอีกสักปีแล้วก็อาจจะเปลี่ยนที่เรียน. (นึกในใจว่าพุธโธ่เอ๋ย. สอบแข่งขันกันจะเป็นจะตายทั้งเอาชีวิตจิตใจทุ่มเทกันซะขนาดนั้น ส่งเรียนกันอุตลุด สุดท้ายบอกว่าไม่โดนใจอยากได้แบบวิชาการแน่น ๆ). เราเองก็ไม่อยากจะออกความคิดเห็นซ้ำอีกว่า ไหงคุณพ่อไม่ต้องไปยุ่งซะตั้งแต่แรก. ถ้าอยากได้แนววิชาการมันก็ไม่ใช่แนวสาธิต ยังงงสับสนอยู่อีกหรือ ทุกครั้งที่ใครๆถามว่า จะเลือกโรงเรียนอย่างไรดี ขอย้ำเลยว่ามันมีอยู่2 แบบ ว่า. ถ้าแนววิชาการเน้นภาษาอังกฤษจีนก็ให้ไปทางคาทอลิก ถ้าวิชาการแบบไทย ก็โรงเรียนรัฐบาลแล้วแต่ว่าจะนิยมชมชอบตราหรือสัญญลักษณ์โรงเรียนแบบใด. กับอีกอย่างคือ แนวสาธิต เพราะชื่อว่าสาธิต ก็คือทดลองทำ. เพราะฉะนั้นอย่าหมายมั่นว่าจะต้องเก่งวิชาการอย่างหนักหรือมากมาย เราเน้นเก่งได้อย่างสบาย ๆแบบผ่านกิจกรรม อย่าคาดหวังว่าสาธิตแต่ละที่จะมีดีเหมือนกันหมด มันขึ้นอยู่กับวัฒนธรรมของสาธิตแต่ละแห่งหรือสถาบันนั้น. ถ้าตามความคิดเห็นส่วนตัวเท่าที่จะคิดได้ตอนนี้คือ. ถ้าแนวเก่งแบบคุณหมอก็น่าจะสาธิตจุฬา ถ้าเก่งแบบแนวคณิต วิทย์แบบครูต้องก็ต้องสาธิตมศว.  ถ้าอยากให้เก่งด้านสังคมการมีอาชีพที่หลากหลายเข้าถึงได้ในทุกคณะที่กระจายแนวกันออกไปก็ต้องสาธิตเกษตร แต่พวกที่จะเลือกหมอจริงๆอาจจะน้อยส่วนใหญ่ก็เป็นวิศวะ หรือแนวที่เรียนต่อเข้ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ซึ่งดูจากสถิติการสอบเข้าเรียนต่อของที่พหุภาษามันช่างหลากหลายคณะเกินกว่าจะพิมพ์มาให้ดูได้โดยส่วนใหญ่กระจายไปตามมหาวิทยาลัยในแต่ละที่ของภาครัฐประมาณ96%. มีศึกษาต่อต่างประเทศด้วย เรียกได้ว่ามีที่ไปที่ดีตามแต่ใจเด็กๆจะปรารถนากันได้หมด(. เพราะว่าไม่ได้หวังต่อแพทย์กันยกชั้น เลยกระจายกันไปตามความชอบที่หลากหลาย). เพราะงั้นเลยคิดว่าอยู่ที่เป้าหมายว่าเราอยากให้ลูกไปแนวไหนก็เสริมผลักดันให้ไปแนวนั้น อย่าตามกระแสสังคมมากนัก.  
  ได้คุยกับผู้ปกครองที่ลูกเรียนคาทอลิกที่ชอบแนวคาทอลิกจริงๆมีอยู่เป็นจำนวนมาก เค้าก็มีศักดิ์ศรีและภาคภูมิใจในแบบของเค้าว่า เค้าก็เจ๋งแน่เหมือนกัน มิใช่ว่าจะไปต่อแค่แนวภาษาได้อย่างเดียว เดี๋ยวนี้เค้าก็พัฒนาแล้วเหมือนกัน มีสอบเข้าแพทย์.  เภสัชได้ อะไรประมาณนั้น   เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเรียนมาแนวไหน แค่ลูก ของเราทำได้ ดีเรียนมีความสุขแล้วผู้ปกครองก็ไม่ลำบากด้วยถือว่าเหมาะสมที่สุดแล้ว เพราะโรงเรียนแต่ละที่่ก็พยายามจะแข่งขันสร้างผลงานกันให้ดีที่สุดอยู่แล้ว. และดิฉันเชื่อว่าเด็กทุกคนไม่มีใครเก่งหรือฉลาดกว่ากันเพราะเราเอามาตราฐานอะไรมาเปรียบเทียบได้ไม่หมด นอกจากข้อสอบของความรู้ แต่ในชีวิตจริงสิ่งที่เด็กๆต้องเติบโตและรู้จักเผชิญกับปัญหาต่างหากล่ะว่าเป็นที่ยอมรับในสังคมและผู้คนรอบข้างมากน้อยแค่ไหนว่าเค้าเป็นคนเก่งจริง.   เลยอยากบอกว่า. แนวสาธิตไม่ใช่แนววิชาการ ถ้าจะสอบเพื่อเล่นๆเอาขำๆ ก็ขออย่าได้ตกลงใจมาเรียนเพราะว่ามันไม่เน้นวิชการหนักๆหรือเข้มข้นจริงๆ เชื่อเถอะค่ะ. ถ้าเข้ามาเรียนแล้วลาออก เสียดายสิทธิ์แทนคนที่ติดสำรองที่เค้าตั้งหน้าตั้งตาอยากเข้าจริงๆค่ะ(. อันนี้ขอเป็นตัวแทนคนที่ติดสำรองอันดับหนึ่งจริงๆ เห็นใจค่ะ)
        ไม่ว่าเรียนที่ไหนเรามีศักดิ์ศรีได้เท่ากันค่ะถ้าหากเด็กๆตั้งใจเรียนเป็นเด็กดีของคุณพ่อคุณแม่และอาจารย์นะค่ะ