หนักใจกับเด็กๆยุค Copy & Paste ซะจริงๆ คำว่าคิดไม่ออก , ไม่รู้ นี่ออกมาก่อนเลยทั้งๆที่เค้ายังไม่ได้ลองคิดซะด้วยซ้ำนะคะ
บ้านไหนเป็นบ้างยกมือขึ้น...ตอนนี้ที่บ้านเราเลยมีกฏว่า ห้ามตอบว่า "คิดไม่ออก หรือไม่รู้" สวนมาโดยที่ยังไม่ได้ลงมือคิด
ขนาดว่าเราเลี้ยงลูกแบบประชาธิปไตยมีเหตุผลประกอบ คือให้ลูกเสนอความเห็นความต้องการของเขาได้ เราจะถามถามความเห็น
/เหตุผลของลูกในเรื่องนั้นๆก่อน ถ้าฟังดูok พ่อแม่ก็ยอมตามลูก แถมลูกเรียนมาแนวคิดวิเคราะห์ก็ยังมีปัญหานี้ได้
ดังนั้นเรามารู้วิธีสอนลูกให้รู้จัดคิดเป็นกันค่ะ "วัยคิดส์รู้จักคิด" / นิตยสารรักลูก ฉบับที่307 ปี 2551
การเปิดโอกาสให้ลูกวัยคิดส์ได้แก้ปัญหาที่เกิดขึ้นด้วยตัวเองอย่างสร้างสรรค์นั้น ให้ประโยชน์มากมาย อาทิ ช่วยพัฒนาอารมณ์ สังคม
ความคิดสร้างสรรค์ วิธีแก้ปัญหา แยกแยะเรื่องดี ไม่ดี และแสดงพฤติกรรมที่เหมาะสมในการแก้ปัญหาได้
วัยคิดส์รู้จักคิด
เด็กวัยคิดส์ส่วนใหญ่จะแสดงความรู้สึกด้านอารมณ์มากเป็นพิเศษค่ะ ทั้งรัก โกรธ เกลียด ไม่พอใจ ฯลฯ แต่เชื่อไหมว่า ที่จริงแล้วเด็กๆ
สามารถบอกได้แล้วว่าอะไรควร ไม่ควร ดี ไม่ดี แถมแสดงเหตุผลต่อสิ่งที่เกิดขึ้นได้ตั้งแต่อายุ 4 ขวบ หากได้รับโอกาสร่วมวงแสดงความ
คิดเห็นอยู่บ่อยๆ ค่ะ
การเปิดโอกาสให้ลูกแสดงความคิดเห็นทำไม่ยาก แค่คุณพ่อคุณแม่หมั่นถามคำถามปลายเปิด ซึ่งลูกต้องใช้ความคิดในการวิเคราะห์เหตุการณ์
ที่เกิดขึ้น จะช่วยพัฒนาทักษะการแก้ปัญหาให้เกิดขึ้นโดยง่าย
ตัวอย่างคำถามที่ช่วยกระตุ้นทักษะ...
- ไหนมีอะไร ลองเล่าให้พ่อ/แม่ฟังหน่อยสิจ๊ะ?
- ลูกรู้สึกยังไงบ้าง ตอนที่...?
- มีอะไรเกิดขึ้นอีกรึเปล่าจ๊ะ? ตอนนั้น...(บุคคลที่ 3)...ทำหรือพูดอะไรบ้างคะ?
- ลูกคิดว่าจะทำอย่างไรดี ?
สอนลูกวัยคิดส์ แก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์
Creative thinking+Critical thinking = Solve problem
กระบวนการเสริมทักษะจัดการปัญหาผ่านการคิด แบ่งเป็น
1. คิดสร้างสรรค์ (Creative thinking)
คือความคิดในวิถีทางที่แตกต่าง เกิดจากความอยากรู้ อยากทดลอง เด็กๆ ที่ได้รับการส่งเสริมหรือกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ จะเป็นเด็ก
ที่มีความกระตือรือร้น อยากรู้อยากเห็น และสามารถหาแนวทางในการแก้ปัญหาได้หลากหลาย ดังนั้น กิจกรรมที่สร้างขึ้นควรส่งเสริมให้ลูก
ได้แสดงความคิดสร้างสรรค์ออกมา เช่น...
- แสดงความคิดเห็น เปิดโอกาสให้ลูกได้แสดงความเห็นโดยถามคำถามที่อยู่ในความสนใจของลูก เช่น หากมีเวลาพูดคุยกับลูกก่อนเข้านอน อาจตั้งคำถามเกี่ยวกับเรื่องง่ายๆ ที่ลูกสามารถตอบได้ เช่น “ลูกคิดว่าอะไรที่ให้แสงสว่างตอนกลางคืนบ้างคะ?” “ตอนกลางคืนยังมีใครทำงานอยู่บ้าง?”
- ครุ่นคิด ไตร่ตรอง ถามเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดในห้อง คุณอาจเล่านิทาน หรือเรื่องราวง่ายๆ ที่มีส่วนของอารมณ์ และพฤติกรรมของตัวละคร แล้วถามเกี่ยวกับสิ่งที่ตัวละครได้กระทำลงไป เช่น ในนิทานเรื่องกระต่ายกับเต่าคุณอาจถามลูกว่า “ทำไมเจ้ากระต่ายจอมซนถึงวิ่งเร็วแซงเจ้าเต่าไปได้นะ?”
2. คิดวิเคราะห์ (Critical thinking)
เป็นความสามารถทางด้านจิตใจที่จะวิเคราะห์เหตุการณ์ แบ่งประเภท จัดหมวดหมู่ เปรียบเทียบความเหมือนและความต่าง การคิดแบบนี้มีเรื่องของตรรกะ หรือกระบวนการคิดซึ่งอยู่บนเหตุและผลของการกระทำค่ะ คุณพ่อคุณแม่สามารถส่งเสริมลูกโดย...
- ฝึกฝน เปิดโอกาสให้ลูกได้ฝึกฝนการวิเคราะห์ หรือแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และต้องไม่ลืมให้ลูกพูดถึงเหตุและผลของเขาด้วย โดยการตั้งคำถามปลายเปิด เพื่อฝึกวิเคราะห์เหตุการณ์ก่อนที่จะลงมือทำ เช่น “ทำยังไงตัวต่อที่เราเล่นกันอยู่จะสูงกว่านี้นะ?” “เราจะต่อตัวต่อให้เป็นรูปทรงแปลกกว่านี้ได้ยังไง?”
- ตั้งคำถาม ที่เข้าใจได้ง่ายโดยไม่ต้องคำนึงว่าคำตอบที่ได้รับจะถูกหรือผิด ส่วนคำถามที่เลือกใช้ก็ต้องไม่ธรรมดาจนเกินไป แต่ควรสร้างความสงสัยประหลาดใจให้กับลูกด้วยค่ะ เช่น “ทำไมแม่ถึงมีเงาอยู่บนสนามหญ้า แต่เวลาอยู่ในบ้านไม่มี?” หรือ “ทำไมเรามองไม่เห็นลม?” เทคนิคนี้จะช่วยกระตุ้นให้ลูกแสดงความคิเห็นแบบทันทีทันใดเลย
หากคุณพ่อคุณแม่หมั่นฝึกฝนทั้งคิดอย่างสร้างสรรค์ คิดอย่างมีเหตุผล กระบวนการนี้ไปพร้อมๆ กับ รับรองว่าลูกจะจัดการกับปัญหาต่างๆ ด้วยตัวเองได้ไม่ยากค่ะ