ช่วยไม่ได้นี่นา..ก็ลูก คือตัวแทนของเรา เขาได้แบ่งส่วนความฝันของพ่อและแม่มาอย่างละครึ่งหลอมรวมเป็นตัวเขาเอง
บางครั้ง พ่อ หรือ แม่ ก็ลืมเผลอคิดไปว่าทำไมลูกไม่ได้อย่างใจเราเลย ทำไมลูกไม่เป็นอย่างนั้น ทำไมลูกไม่ทำอย่างนี้
เราไม่มีสิทธิไปชี้นิ้วตัดสินชีวิตเขาหรอก เพราะเรามีสิทธิ์ในตัวเขาเพียงครึ่งเดียว ส่วนอีกครึ่งลูกจะต้องแสวงหาเอง
เราคงทำได้ดีที่สุดคือแนะนำเส้นทางที่น่าเดิน...ไม่ใช่ลากจูงไป บอกเล่าประสบการณ์ดีร้ายให้แง่คิด...ไม่ใช่ตัดสินใจแทน
ได้ฟังรายการ พ่อแม่มือใหม่หัวใจเกินร้อย ของป้าโน (FM.105 เวลา 9.00 น.)
ป้าโนเล่าถึงครอบครัวนักเขียนท่านหนึ่งที่ไม่เคยสอนเทคนิคการเขียนให้ลูก แต่วันนึงเด็กๆก็ฉายแววว่าสนใจการเขียนหนังสือ
ขึ้นมา มีประกายความคิด มีประเด็นที่จะเขียนขึ้นมา ทำให้น่าเชื่อว่าสิ่งแวดล้อมที่เด็กๆสัมผัสอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันนั้นมีส่วนอย่างมาก
ต่อการตกผลึกทางความคิดของเขา เด็กๆที่เห็นพ่อแม่ทำงานใดๆอยู่เป็นประจำ เขาจะค่อยๆซึมซับความรู้ความชำนาญในด้านนั้นๆ
จากเราไปเองจากที่ได้เห็น จากที่ได้ฟังเรา ซึ่งอาจจะดูเหมือนว่าเขาไม่ได้สนใจเรียนรู้ ก็เพียงแค่เล่นอยู่ใก้ลๆเราเท่านั้น
แต่วันนึงเมื่อสภาวะเหมาะสม ความสามารถในด้านนั้นของลูกก็สามารถปรากฏออกมาให้เราประหลาดใจได้ คงจะเหมือนเมล็ดน้อย
ที่รอการงอกและผลิบาน
เพียงแต่ว่าเราจะอดทนรอได้ไหม...บางครอบครัวอัดทั้งน้ำทั้งปุ๋ยเต็มที่ บางครอบครัวปล่อยให้เติบโตธรรมชาติ อันนี้แล้วแต่แนว
ทางใครก็ทางใคร มิขอก้าวก่ายนะคะ เอาใจช่วยให้ต้นไม้น้อยของทุกบ้านแข็งแรงเติบโตฝ่ามรสุมไปได้
บ้านเราก็เช่นกัน เฝ้ารอ เฝ้าดู มีทั้งความเครียด..มีทั้งความสุข เมื่อไรเมล็ดน้อยจะงอกงามเติบโตให้เราวางใจ
ก็ต้องคอยเตือนตัวเอง..ทุกอย่างมีเวลาของมัน