ยิ่งนับวันเวลาที่ผ่านมาจากการที่เอมิจังเรียนอยู่ที่สาธิตเกษตร พหุภาษา ความเป็นตัวตนของเอมิในสายตาของดิฉันที่เริ่มมองเห็นได้อย่างชัดเจน คือเรื่องความรักและความผูกพันธ์ การรักษาระเบียบวินัย การปฎิบัติตนตามกฎเกณฑ์ของอาจารย์และโรงเรียนอย่างเคร่งครัดรวมไปถึง ความเชื่อฟังในคำตักเตือนของผู้ใหญ่ ความรักและความภาคภูมิใจ ให้เกียรติต่อสถาบันของตัวเอง          จำได้ว่าตั้งแต่สมัยเข้าเรียนป.  1 ใหม่ๆ   อาจารย์ได้แจ้งระเบียบการแต่งกายว่าต้องใส่ถุงเท้า รองเท้า. ใช้กระเป๋า. หรือต้องเตรียมของใช้แบบไหนบ้าง. เอมิจะเคร่งครัดมากต้องทำตามระเบียบ ไม่แน่ใจอะไรก็ต้องถาม ต้องขออนุญาตก่อน.    อย่างเรื่องโบว์ที่ใช้ติดผม ต้องใช้แค่สีม่วง ดำ ขาว น้ำเงิน ล้วนๆไม่มีลวดลาย. ดิฉันเคยซื้อแบบมีลวดลายผสมมาให้ติด        เอมิบอกว่าขอไม่ใช้ดีกว่า เดี๋ยวผิดระเบียบ   หรือ อย่างกระเป๋าล้อลากสีดำที่โรงเรียนนำมาขายที่สหกรณ์เกิดชำรุด.    แล้วดิฉันต้องหาซื้อกระเป๋านักเรียนใบใหม่. เอมิจังก็ยังเน้นย้ำแล้วย้ำอีกว่าให้เป็นสีดำเท่านั้น ห้ามมีสีอื่นผสมมาก          หรือถ้าหากหาไม่ได้จริงถ้าจะมีลายก็ต้องให้น้อยที่สุด. ทำเอาดิฉันเดินหาซื้ออยู่หลายร้านแบบว่าอยากได้ที่ทั้งทนและถูกระเบียบด้วย (เพราะเอมิมีหนังสือมาก.   กระเป๋าพังถูกใช้งานหนักเพราะลากไปทั่วตั้งแต่ลานจอดรถจนมาถึงในโรงเรียน)  ยังไม่หมดค่ะ. ขนาดถุงเท้า อาจารย์ประจำชั้นเคยบอกว่าต้องเป็นถุงเท้ายาวสีขาวล้วนพับสองทบแล้วต้องมีความยาวพอประมาณอยู่ที่ข้อเท้าให้เรียบร้อยไม่สั้นกระจิดริด.    เอมิจังนั้นพููดว่าถุงเท้าเราสั้นไปนะ.     พูดทุกวันจนดิฉันก็ต้องซื้อถุงเท้าขาวที่ไซต์ขนาดยาวขึ้นตามระเบียบที่อาจารย์บอกไว้.  เครื่องแต่งกายอย่างอื่น ไม่ต้องพูดถึง ตรงตามระเบียบเป๊ะ กระโปรงกับเสื้อ ปักเรียบร้อยสวยงามไม่ขาดตกบกพร่อง.  เวลาจะไปติดต่อที่โรงเรียน มีงานที่โรงเรียนก็แต่งกายด้วยชุดนักเรียนตลอดหรือหากทางโรงเรียนมีกิจกรรมใดๆก็ปฎิบัติตามที่อาจารย์แจ้งตลอด. และต่อให้เล่นซนแค่ไหน เทคไนที่คอไม่เคยหลุดออก. เป๊ะจริงๆ.   แม้กระทั่งรองเท้าพละสีขาวก็ต้องขอเปลี่ยนเป็นแบบผูกเชือกตามระเบียบการแต่งกาย.   ไม่เอาแบบอนุบาลที่เป็นตีนตุ๊กแก.            โตแล้วต้องผูกเชือกรองเท้าเองไม่เอาแบบแคว๊กๆหรอกนะมันเด็กเกินไป(คิดในใจว่า ลูกฉันเป็นเด็กป.1ได้ไม่กี่วัน คิดว่าตัวเองเป็นเด็กโตมากเลยเนอะ คุณลูกจ๋า)

                         ว่าแล้วก็ขอเม้าท์ลูกสักหน่อยเมื่อตอนป.1 กลับจากโรงเรียน(ตอนนัั้นยังใส่ชุดนักเรียนอยู่) บอกเอมิจังว่าจะไปตลาด ให้เอมิไปเปลี่ยนรองเท้าจากรองเท้านักเรียนไปเป็นรองเท้าแตะ จะได้เดินสบายๆ แต่ไม่ต้องเปลี่ยนเสื้อผ้านะ เพราะคุณแม่จะรีบไปตลาด.     ปรากฎว่าเอมิบอกว่าไม่เปลี่ยนหรอกจะไปทั้งชุดนักเรียน ไม่เปลี่ยนรองเท้าหรอก ดิฉันก็คิดว่าลูกคงจะรีบตามที่ดิฉันบอก. พอครั้งต่อไปก็ชวนไปตลาดอีกให้เปลี่ยนรองเท้า ปรากฎว่าไม่เปลี่ยนอีก เลยถามว่าทำไมไม่เปลี่ยนล่ะค่ะ. เอมิจังบอกว่ามันดูไม่ดีถ้าหากว่าใส่ชุดนักเรียนกับรองเท้าแตะมันไม่ได้นะ(.  โอ้ว!  จริงเหรอลูก มันดูไม่งามใช่ไหม).  เออว่าแต่จะเอายังไงกันดีล่ะ เอมิจังบอกว่ารอแป๊บหนึ่ง เดี๋ยวหนูไปเปลี่ยนชุดนักเรียนออกก่อนแล้วค่อยไปตลาดกัน(. โอ้ว !  เป็นรอบที่สองว่า อะไรจะขนาดนั้นค่ะคุณลูก). แต่หลังจากนั้นผ่านไปดิฉันบอกว่า. เราไม่ได้อยู่ในเวลาเรียนแล้ว ไม่ได้อยู่ในโรงเรียนด้วย เราคงจะไม่ต้องเคร่งครัดมากนักนะจ๊ะ. เอมิจังถึงได้ยอมใส่รองเท้าแตะไปตลาดได้โดยดี(ประมาณว่าเห็นด้วยเพราะว่า โรงเรียนอยู่ชลบุรี แต่เราอยู่สมุทรปราการ ยังไงก็ไม่ผิดแฮะ.   โธ่. คุณลูกของดิฉัน)

เรื่องทรงผมก็เช่นกัน ตามระเบียบคือรวบผมให้เรียบร้อยหรือจะถักเปียก็ได้. ให้ทำผมตามความเหมาะสมที่จะเป็นทรงนักเรียน ดิฉันเคยผูกแบบเฉียงไขว้ข้างเหมือนสมัยอนุบาลที่เอมิจังชอบให้ผูก เอมิบอกว่าไม่ได้.   ต้องรวบผมให้อยู่ตรงกลางพอดี.   พอดิฉันจะมัดผมแบบหลายจุกแล้วเก็บมารวบ ก็บอกว่าไม่ได้. โตแล้วไม่ทำผมทรงเด็กอนุบาล(. อ้าวนี่โตแล้วใช่ไหมค่ะเนี่ยตอนนั้นลูกยังไม่ถึง 6 ขวบเลย. )เพราะฉะนั้นทรงผมเอมิจึงเป็นทรงมาตราฐานคือรวบผมให้ตึงธรรมดา ยกเว้นวันที่แต่งชุดพละอาจจะให้แบ่งผมมัดสองข้าง เพราะเวลาเรียนยืดหยุ่นหรือฟุตบอล ผมจะได้อยู่ทรงไม่หลุดลุ่ย โบว์ก็สีล้วนตามระเบียบไม่เอาลายใดๆทั้งสิ้น

 จนมาตอนนี้ที่เอมิขึ้นป.  4  และมีน้องใหม่อย่างนัตซึเดินตามมาเป็นน้องป.1 เอมิก็สอนน้องพับถุงเท้าว่าต้องประมาณไหน. ต้องแต่งตัวอย่างไร. เวลาที่นัตซึเล่นซนเทคไนหลุดกระจายนอกจากจะมีดิฉันคอยเตือนแล้ว ยังมีพี่เอมิคอยบอกอีกว่า. เป็นเด็กสาธิตเกษตรตัวจริงต้องแต่งตัวเรียบร้อย ไม่เละแบบนี้(หมายถึง นัตซึเล่นสนุกมาก สภาพตอนนั้นผมเผ้าหลุดลุ่ย เทคไนจากคอก็หลุดมาคล้องบ่าแทน ถอดถุงเท้ารองเท้า วางไว้ใต้อาคาร.   แล้วก็ปีนป่ายของเล่นอย่างเมามัน ไม่สนใจใครเลยอ่ะ).  ดิฉันเลยต้องมาสอนนัตซึเรื่องความเรียบร้อยใหม่เพราะมีเด็กหลายคนที่ถอดถุงเท้ารองเท้าออกแล้ววิ่งเล่นด้วยเท้าเปล่า.    ซึ่งตัวดิฉันก็ไม่ค่อยเห็นด้วยสักเท่าไหร่เพราะมันค่อนข้างเสี่ยงเรื่องความสะอาดเท้าอาจจะโดนอะไรบาดหรือทิ่มต่ำ. หรืออาจเป็นทางให้พยาธิไซเท้าได้. ซึ่งออกจะผิดสุขลักษณะ. ต้องบอกว่าอย่าเลียนแบบเพื่อนๆหรือพี่ๆบางคนที่ทำ. เราต้องคิดว่ามันควรหรือไม่ควร. หลังจากที่บอกเหตุผลให้ฟัง.  นัตซึก็ค่อยๆพยายามปรับตัวเอง ดูแลตัวเองให้เรียบร้อยขึ้น (ยกเว้นผมที่หลุดลุ่ยเพราะผมเธอลื่นจริงๆ. มัดอย่างไรก็มีหลุดบ้างเหมือนกัน).  แต่ว่าเด็กก็คือเด็กธรรมชาติของการเล่นสนุกก็มีตามประสา. แต่ว่าก็ต้องดูไม่ให้ผิดระเบียบเกินไป.    ดิฉันมองว่าที่นี่ ปลูกฝังให้เด็กรู้จักคิด และเลือกทางปฎิบัติ. ไม่ได้บีบบังคับแต่ให้คิดเป็น. อย่างกระเป๋านักเรียนเพราะไม่อยากให้เกิดความแตกต่างกันมากก็เน้นให้ใช้สีโทนดำล้วนหรือม่วงไปเลย ไม่อย่างนั้นก็คงจะมีสีชมพู. เหลือง ส้ม โผล่มากันเพียบเรียกว่าอยากทำอะไรก็ตามใจฉัน ซื้อมาประชันแข่งกันเลย

หรืออย่างเรื่องนาฬิกา ที่นี่จะอนุญาตให้ใส่ตอน ป.  4 และให้ใช้สายนาฬิกาสีขาวหรือดำ เท่านั้น. หากว่ามีสีผสมก็ต้องน้อยที่สุด. แต่ว่านักเรียนบางคนผู้ปกครองซื้อมาแล้วก็ไม่รู้จะทำยังไงก็ต้องให้ใส่ แต่ถามว่าถูกระเบียบไหม. มันก็ไม่ถูกนะ แต่ไม่รู้จะทำอย่างไร.  เพราะฉะนั้นทางที่ดีก่อนที่จะซื้อของใช้อะไรก็ตามให้ลูกสำหรับเอามาใช้ที่โรงเรียน.       อย่าลืมถามอาจารย์หรือผู้รู้คนอื่นก่อน เพื่อป้องกันการผิดระเบียบโดยไม่ได้ตั้งใจ  เพราะหากซื้อมาผิดแล้ว.  ลูกก็ใช้ของผิดระเบียบ อาจารย์เองก็ไม่รู้จะว่าอย่างไรเพราะว่าโตๆกันแล้ว น่าจะรู้เรื่องไม่ต้องมาจ้ำจี้จ้ำไชเหมือนเป็นเด็กอนุบาล.   เพราะต้องการให้เด็กเติบโตรู้จักคิดเป็น. อย่าให้ลูกต้องมาลำบากใจใช้ของผิดระเบียบ เดี๋ยวจะกลายเป็นคนแตกแถวของห้อง นอกจากจะไม่เด่นแล้ว อาจจะมีผลต่อคะแนนความประพฤติโดยที่คุณไม่รู้ตัวอีกด้วย.  แต่ที่สำคัญไปกว่านั้นคือ. ตัวคุณผู้ปกครองต่างหากที่ตั้งใจจะสร้างลูกให้เติบโตมาเป็นคนแบบใด.  อยากให้ลูกเป็นบุคคลที่ชื่นชอบเป็นที่ชื่นชมเป็นคนที่รู้จักปฎิบัติตามกฎระเบียบอยู่ร่วมกับสังคมได้. หรือเป็นคนที่เอาแต่ใจ ไม่สนใจกฎระเบียบใดๆเลย เอาแต่ใจตัวเองทำตามความต้องการของตัวเองเท่านั้น.   เรื่องเล็กๆแค่นี้ ก็เป็นต้นแบบในการสร้างพฤติกรรมและมุมมองให้กับเด็กๆหรือลูกๆของเราได้นะค่ะ

                           ส่วนใครที่อยากจะเปลี่ยนตัวเองและคุณลูกให้ถูกระเบียบขึ้นมาเหมือนอย่างดิฉันสมัยก่อนนู้น.   ดิฉันก็ต้องขอขอบคุณที่มาช่วยกันสร้างสังคมดีๆให้เด็กๆได้เห็น ว่า โรงเรียนเรามีเด็กที่น่ารักและเป็นเด็กดีรู้จักการวางตัวในสังคมส่วนรวมอย่างไรตามที่เหมาะที่ควรจะเป็น เพราะคุณเชื่อไหมค่ะถ้าเราสอนเค้าให้มองเห็นถึงคุณค่าของการทำตัวดีมันมีประโยชน์มากมายจริงๆตอนนี้อาจจะยังไม่เห็นผลมากนัก แต่เมื่อเวลาผ่านไป ความเป็นสายเลือดสาธิตเกษตร พหุภาษาที่เข้มข้น ที่คุณจะมองเห็นได้ในแต่ละคุณลักษณะก็จะปรากฎขึ้นมา. ถึงวันนั้นเราคงเบาใจว่า ลูกจะรู้คิดและรู้อยู่อย่างฉลาด และมีความสุขไม่มากก็น้อย

ตอนนี้อนาคตของลูกๆก็ขึ้นอยู่กับผู้ปกครอง คุณพ่อคุณแม่แล้วล่ะค่ะว่าจะสร้างความเป็นตัวตนให้เค้าแบบไหน ลองคิดดูค่ะ ว่าคุณจะทำอะไรให้ลูกๆได้บ้าง แล้วมาเล่าให้ฟังกันบ้างนะค่ะว่าลูกๆเป็นอย่างไร. จะรอดูไปพร้อมๆกันค่ะ